บทที่ 2
หลู่ซิ่น
หลู่ซิ่นเป็นวรรณคดี นักคิด และนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของจีน เกิดปี ค.ศ.1881 ณ เมืองเซ่าซิง มณฑลเจ๋อเจียง
เวลานั้น เนื่องจากการรุกรานของจักรพรรดินิยมและความเหลวแหลกขายชาติของรัฐบาลเช็ง ทำให้ประชาชนจีนตกอยู่ในสภาพกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินา ประชาชนจีนจึงประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนอย่างสาหัส การเปลี่ยนแปลงทางสังคมส่งผลกระทบต่อความคิดของหลู่ซิ่นมาก หลู่ซิ่นจึงตัดสินใจผละจากบ้านเกิดไปศึกษาเล่าเรียน เพื่อแสวงหาสัจธรรมกู้ชาติ
ปี 1898 หลู่ซิ่นได้ไปเรียนที่นานกิง ปี 1902 ได้ไปเรียนวิชาแพทย์ที่ญี่ปุ่น ทีแรกหลู่ซิ่นคิดจะเป็นแพทย์เพื่อบำบัดโรคให้แก่ประชาชนจีน ช่วยให้ประชาชนจีนมีสุขภาพดีขึ้น ที่ญี่ปุ่น หลู่ซิ่นได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวของผู้รักชาติจีนที่จะโค่นราชวงศ์เช็งอย่างกระตือรือร้น ความคิดปฏิวัติประชาธิปไตยที่คัดค้านจักรพรรดินิยมและศักดินานิยมค่อยๆก่อรูปขึ้นในจิตใจของเขา เขาทุ่มเทที่จะอุทิศชีวิตและเลือดเนื้อให้แก่ภารกิจปลดเอกของมาตุภูมิ หลู่ซิ่นเขียนไว้ในกลอนบทหนึ่งว่า “เลือดข้านี้จะอุทิศให้แก่แผ่นดิน”
วันหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยฉายภาพยนตร์ข่าวเกี่ยวกับประเทศจีนให้นักศึกษาดู ภาพจักรพรรดินิยมกำลังย่ำยีประเทศจีน เข่นฆ่าประชาชนจีน และความบัดซบของคนจีนบางคนที่ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้พระเจ้าซาร์ในการกดขี่เชือดเฉือนประเทศของตน ทำให้หลู่ซิ่นทั้งโกรธทั้งอาย เขารู้สึกปวดร้าวใจมากที่ได้เห็นประเทศชาติและประชาชนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น หลู่ซิ่นได้คิดว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกไม่ได้อยู่ที่ช่วยให้ประชาชนจีนมีสุขภาพดีขึ้นแต่อยู่ที่ต้องเปลี่ยนแปลงจิตใจของเขาเหล่านั้น ต้องปลุกประชาชนให้ได้สำนึกและตื่นตัวเวลานั้น เขาเห็นว่าวรรณคดีเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงจิตใจของประชาชนตั้งแต่นั้นมา หลู่ซิ่นดำเนินการต่อสู้โดยใช้วรรณคดีแผนใหม่เป็นอาวุธ
ปี 1911 หลู่ซิ่นกลลับจากญี่ปุ่นไม่นาน ภายในประเทศเกิดการปฏิวัติซินไฮ่ซึ่งนำโดยซุนยัดเซ็นขึ้น ตอนนั้นหลู่ซิ่นสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนมัธยมเซ่าซิง เขาสนับสนุนการปฏิวัติซินไฮ่อย่างเต็มที่ ได้จัดให้นักเรียนไปโฆษณาตามท้องถนน แต่ต่อมาไม่นาน เขาก็ผิดหวังเพราะการปฏิวัติครั้งนี้ ชนชั้นนายทุนเพียงแต่ขับไล่กษัตริย์ลงจากบัลลังก์ไปเท่านั้นหาได้ปลดปล่อยประชาชนจีนให้หลุดพ้นจากการกดขี่ของจักรพรรดินิยมและศักดินาไม่
เมื่อการเคลื่อนไหว “4 พฤษภา” ปะทุขึ้นในปี 1919 การปฏิวัติจีนก็ก้าวเข้าสู่ปฏิวัติประชาธิปไตยแผนใหม่ ซึ่งนำโดยชนชั้นกรรมาชีพ การปฏิวัติครั้งนี้ได้ความหวังใหม่แก่หลู่ซิ่น และให้กำลังใจแก่เขามาก หลู่ซิ่นเข้าร่วมการปฏิวัตินี่อย่างกระตือรือร้นเขาได้เขียนวรรณกรรมขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเก่าวัฒนธรรมเก่า และศีลธรรมเก่าที่กดขี่และเป็นภัยแก่ประชาชน โจมตีวัฒนธรรมจักรพรรดินิยมอย่างองอาจกล้าหาญ นวนิยายหลายสิบเรื่องที่หลู่ซิ่นเขียนขึ้น อาทิ “บันทึกประจำวันของคนบ้า” “อัตชีวประวัติของอาคิว” “บ้านเกิด” ได้เปิดโปงความมืดมนของสังคมจีนอย่างลึกซึ้ง ได้สะท้อนให้เห็นภาพความล้มเหลวของชนบทจีนภายใต้การกดขี่ของจักรพรรดินิยมและศักดินานิยม ได้บรรยายให้เห็นถึงความทุกข์ยากลำเค็ญ และคุณลักษณะที่ดีงามของชาวนาเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจอักล้ำลึกของเขาที่มีต่อชาวนาผู้ถูกกดขี่ และความเคียดแค้นชิงชังอย่างที่สุดของเขาที่มีต่อฝ่ายตรงข้าม
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ก้าวขึ้นสู้เวทีการเมืองของจีนในปี 1921 หลู่ซิ่นผู้กำลังสู้รบเพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของมาตุภูมิ ก็ประกาศแซ่ซ้องสรรเสริญและเข้าร่วมการปฏิวัติที่นำโดยชนชั้นกรรมาชีพทันที และได้ยืนหยัดจนถึงที่สุด
鲁迅
鲁迅,1881年出生于浙江省绍兴市,是中国伟大的文学家、思想家和革命家。
那时,由于帝国主义的侵略和清政府的腐败,中国人民沦入了半殖民地半封建社会的境地,中华民族因此遭受了水深火热的痛苦。社会的变化给鲁迅的思想带来了很大的影响,于是鲁迅为了寻求救国真理,下定决心离开故乡到他乡求学。
1898年,鲁迅在南京读书;1902年,他去了日本求学。起初,鲁迅是为了给百姓治疗疾病,帮助人民拥有更强健的体魄而想成为医生。在日本的时候,他参加了激情高昂的爱国人士发起的推翻清政府统治的运动,反帝反封的民主革命思想在鲁迅的心中逐渐形成。鲁迅为祖国的解放事业抛头颅、洒热血,同时他还在诗中写到:“我以我血荐轩辕”。
有一天,大学给学生们播放了一部有关于中国的影片,该影片描绘了帝国主义势力屠杀中国人民的场景,以及一些成为了沙皇“走狗”的中国人压迫中国人民的行为。看到自己的国家处于这种状态之中,鲁迅认为目前的首要任务不是帮助中国人改善他们的体质和健康状况,而是应该改变中国人的思想,同时让中国人的意识觉醒,这时鲁迅发现文学才是改变人们思想最有力的武器。此后,鲁迅开始用新文学作为武器进行斗争。
1991年鲁迅从日本回国不久,国内就爆发了由孙中山先生领导的辛亥革命。那时鲁迅在绍兴中学教书,他全力支持辛亥革命,安排学生到街上游行宣传。但没过多久,他就对这次革命失望了,因为资本家们只是推翻了封建帝制,并没有把中国人民从帝国主义和封建主义中解脱出来。
1919年五四运动爆发,中国革命开始进入到新的民主革命阶段,这给鲁迅带来了新的希望并带给他极大的信心。鲁讯积极参与这次革命,他通过文学作品来批判旧思想、旧文化,以及“吃”人的传统礼教,英勇抨击帝国主义文化。鲁迅著作的十几部小说,例如:《狂人日记》《阿Q正传》《故乡》,深刻揭露了旧中国社会的黑暗,反映了中国农村在帝国主义和封建主义的压迫下的腐败社会现实,描述了贫困农民们经历的艰辛苦难和淳朴善良的品格,表达了他对被压迫的农民的深刻同情以及对敌人的深恶痛绝之情。
1921年中国共产党登上中国政治的舞台。正为了祖国灿烂辉煌的未来而作斗争的鲁迅,立刻对其表达了赞美,同时加入了由无产阶级领导的革命,并坚持到了最后。
(翻译或有疏漏,希望各位同学不吝赐教。)

